หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อุโมงค์แห่งไหวพริบและความมานะของชาวเวียดนาม



            เมื่อบทความที่แล้วเราได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเวียดนาม ในนครโฮจิมินห์ไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังขอวนเวียนอยู่แถวๆกรุงโฮจิมินห์ แต่จะพาไปทัวร์เวียดนามนอกเขตออกมาหน่อยไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราวๆ 60 กว่ากิโลเมตร จะถึงเมืองๆหนึ่งของประเทศเวียดนามชื่อว่า "กู่จี"
ที่เมืองนี้มีสถานที่น่าท่องเที่ยวอยู่อีกหนึ่งแห่ง ซึ่งเราเรียกกันว่า “อุโมงค์กู่จี” อุโมงค์ที่มีเครือข่ายใต้ดินยาวกว่า 200 กิโลเมตร  มีระดับความลึกลงไปถึง 3 ระดับ อุโมงค์กู่จีถูกสร้างขึ้นในปี 1970 โดยพวกเวียดมินห์เพื่อใช้ต่อสู้กับพวกฝรั่งเศสที่ยึดครองประเทศของตนในขณะนั้น ต่อมาพวกเวียดกงมาใช้งานต่อเพื่อเป็นที่หลบซ่อนตัว ช่วงหนึ่งของอุโมงค์นี้อยู่ตรงกับฐานหน่วยรบสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงหน่วยที่ 25 ของสหรัฐอเมริกาพอดี โดยที่ทั้งชาวบ้าน และกองโจรก็สามารถหลบซ่อนตัว และพำนักอยู่อุโมงค์ใต้ดินนี้ได้เป็นเดือนๆ โดยมีอาหารเป็นหัวเผือกและมีระบบการระบายอากาศที่ทำขึ้นเองอย่างดีและมีประสิทธิภาพ แสดงถึงความสามารถของมันสมองของชาวเวียดนามได้โดยแท้ เพราะอุโมงค์นี้เอง ชาวเวียดกงถึงขึ้นมาโจมตีศัตรูได้โดยที่ศัตรูไม่รู้ตัว และหลบซ่อนไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว จนต่อมาในปี 1960 ก็มีขุดอุโมงเพิ่มเติมให้ยาวขึ้นถึง 250 กิโลเมตร

ภายในอุโมงค์อาจจะมีการสร้างถึง 4 ชั้น ประกอบไปด้วยทั้งห้องน้ำ ห้องประชุม เสร็จสรรพไปถึงกระทั่งห้องผ่าตัดคนไข้ กลายเป็นคลินิกใต้ดินไปเลย การให้เลือดก็ใช้สายยางที่สูบลมจักรยาน เรียกได้ว่า เหล่ากองโจรในสมัยนั้นต้องทรหดอดทนอย่างมากเลยทีเดียว พวกอเมริกาพยายามจะค้นหาอุโมงค์เหล่านี้โดยใช้สุนัขดมกลิ่น แต่เวียดกงกลับรู้ทันนำพริกไทยไปโรยตามทางเข้าและช่องระบายอากาศต่างๆ แม้สหรัฐฯจะพยายามหาวิธีทำลายอุโมงค์นี้สารพัดวิธี แต่ก็ไม่สำเร็จ จนสุดท้ายต้องใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดเป็นการปูพรม และแม้จะสามารถทำลายอุโมงค์ไปได้จำนวนมาก แต่ก็ไม่ถึงว่านี้คือชัยชนะของสหรัฐฯ เพราะว่าพวกเวียดกงได้ใช้อุโมงค์นี้ไปอย่างคุ้มค่าแล้ว
อุโมงค์กู่จีจึงเปรียบเสมือนแบบอย่างของการใช้ไหวพริบและความมีน้ำอดน้ำทนของชาวเวียดนาม อันเป็นคุณสมบัติสำคัญทื่ทำให้เวียดนามสามารถมีชัยเหนือสหรัฐฯได้ในที่สุด นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าไปเยือนอย่างยิ่ง และถ้าได้เห็นกับดับชนิดต่างๆที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี หรือได้ลองคลานลอดอุโมงค์แคบๆดูแล้วล่ะก็ คุณก็จะยิ่งได้สัมผัสบรรยากาศแบบสะท้านเยือกเลยทีเดียว

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

โฮจิมินห์...ท่านนี้สำคัญไฉนชื่อถึงกลายเป็นชื่อนครในเวียดนาม



เดิม "โฮจิมินห์ซิตี้" มีชื่อว่า ไซ่ง่อนเป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ เมื่อครั้นประเทศเวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 คือเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ ที่มีอุดมการณ์แตกต่างกัน ฝ่ายเหนือนิยมระบบคอมมิวนิสต์ ฝ่ายใต้ผู้หนุนหลังโดยอเมริกาแทรกแซงคำว่า เสรีภาพ ให้ จนต่อมาสงครามเวียดนามสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเหนือ

ไซ่ง่อน จึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็น โฮจิมินห์ซิตี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่โฮจิมินห์ นักปฏิวัติชาวเวียดนาม ที่ผันตัวเองจากเป็นพ่อครัวและนักศึกษาในประเทศฝรั่งเศส ประเทศผู้ปกครองของเวียดนามในสมัยนั้น ก่อนจะเดินทางไปอเมริกาและอังกฤษ แล้วเข้าร่วมในพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน เมื่อมีการปราบปรามคอมมิวนิสต์ในจีน โฮจิมินห์หนีเข้ามาพนักในไทย ในนาม “ลุงโฮ” ต่อมาจึงเดินทางกลับเวียดนามรวบรวมชาวเวียดนามและเริ่มประกาศตัวเป็นเอกราชจากฝรั่งเศส โฮจิมินห์ก็ทำได้สำเร็จ เมื่อสงครามเวียดนามอุบัติขึ้น และสิ้นสุดด้วยความพ่ายแพ้ของอเมริกา ถึงโฮจิมินห์จะไม่ได้อยู่ชื่นชมชัยชนะในครั้งนี้ของเวียดนาม แต่เขาก็ถูกจารึกชื่อในฐานะวีรบุรษ นายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม



                แม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวในนครโฮจิมินห์เองก็หลายแห่งเป็นมีชื่อของ โฮจิมินห์รวมอยู่ด้วย ไม่ว่าเป็น จัตุรัสโฮจิมินห์ เป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวนครแห่งนี้ เหมือนเป็นจุดนัดพบหรือศูนย์กลางเพื่อเดินทางไปยังสถานท่องเที่ยวอื่นๆ อีกทั้งยังมีรูปปั้นของโฮจิมินห์กับเด็ก ที่มีฉากหลังเป็นศาลาว่าการเมือง มีถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสที่ดูแปลตา ไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม สวยงามด้วยการตกแต่งด้วยกระจกสี และอาคารสไตล์ฝรั่งเศส ภายในอาคารก็น่าสนใจไม่แพ้กัน มีการจัดแสดงแผนที่ทางทะเลในสมัยโบราณ และภาพของอดีตผู้นำประเทศ พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ เก็บรวบรวมทุกเรื่องราวของโฮจิมินห์ ทั้งเรื่องส่วนตัว  เรื่องราวการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเสรีภาพให้แก่ชาวเวียดนาม มีการจัดแบ่งเป็นหมวดหมู่เป็นระเบียบเรียบร้อย


            นครโฮจิมินห์ยังมีอีกหลายเรื่องราวและสถานที่น่าสนใจท่องเที่ยวไว้จะมาเล่าให้ฟังกันอีกในโอกาสต่อไป